โปเกม่อน ตัวละคร ในขณะที่เรากำลังตั้งตารอเล่นเกมกันอยู่ มาทำความรู้จักตัวละครจากเรื่อง Pokemon และเหล่าโปเกมอนกันเถอะ ว่ามีตัวอะไรกันบ้าง
ซาโตชิ โปเกม่อน ตัวละคร
โปเกม่อน ตัวละคร เป็นตัวละครเอกของโปเกมอนฉบับอะนิเมะและฉบับมังงะที่ชื่อ Electric Tale of Pikachu เป้าหมายในชีวิตของซาโตชิคือการได้เป็นโปเกมอนมาสเตอร์อันดับ 1 ของโลก ซาโตชิเริ่มต้นเดินทางด้วยวัย 10 ขวบเป็นผู้ฝึกโปเกมอน (Pokemon Trainer) ซึ่งมีจิตใจเมตตา มีเจตนาดี แต่ดื้อรั้นและยังไม่เชี่ยวชาญ เขาได้รับ พิกะจู ตัวที่มีนิสัยไม่มีความเคารพเจ้าของจาก ดร.ยูกินาริ โอคิโดะ เป็นโปเกมอนเริ่มต้นเพราะเขาไม่ตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นสายในวันที่เขาต้องมารับโปเกมอนตัวแรก ซาโตชิตั้งใจที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดให้ได้ ซึ่งการที่เขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพิกะจู โปเกมอนคู่หูได้ จะทำให้เขาเดินทางได้ง่ายขึ้น
ซาโตชิได้จับโปเกมอนและเป็นมิตรกับเหล่าโปเกมอนมาตลอดเนื้อเรื่องของอะนิเมะ แนวความคิดของเขาเกี่ยวกับการฝึกโปเกมอนคือโปเกมอนแต่ละตัวจะมีการผสมผสาน ระหว่างความเชื่อใจ มิตรภาพ และการถาโถมฝึกฝนเพื่อเอาชนะเคราะห์กรรมที่ต้องเผชิญ ซาโตชิจะต่อสู้กับโปเกมอนที่มีเหมือนกันพิกะจูได้ดีที่สุด กล่าวคือโปเกมอนที่มีความเร็ว หลบหลีกเก่ง และสามารถแสดงท่าโจมตีอันทรงพลังออกมาได้ แต่ซาโตชิก็จะใส่ใจฝึกฝนโปเกมอนที่อยู่กับเขาทุกตัวที่อยู่ในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ตาม รูปแบบการต่อสู้ของซาโตชิมักจะเป็นการต่อสู้แบบไม่เหมือนธรรมดาทั่วไปและผิดแผกไปจากกติกาพอสมควร และโปเกมอนของเขาเองก็ปฏิบัติเช่นนี้เช่นกัน
พิกะจู (US-JP-Pikachu)
พิกะจู โปเกมอนจำพวกหนู มีรูปร่างเตี้ย เล็ก หน้ากลม อาศัยบนพื้นดินเป็นที่น่าจดจำสำหรับความสามารถทางไฟฟ้าของมัน พิกะจูมีขนสั้น สีเหลืองและมีลายสีน้ำตาลที่หลังของมัน ปลายหูสีดำ รวมถึงหางรูปร่างแปลก ซึ่งดูคล้ายสายฟ้า ถ้าเทียบกับร่างพัฒนาและร่างก่อนพัฒนาของมัน มันอาจดูเกี่ยวข้องกับพลัสเซิล ไมนัน และพาจิริสุ เนื่องจากมันดูคล้ายกันมาก พิกะจูเป็นโปเกมอนที่สามารถปล่อยพลังกระแสไฟฟ้าที่มีความรุนแรงหลากหลายผ่านทางแก้มสี แดงของมัน พลังเกี่ยวกับไฟฟ้านี้จะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นท่าต่อสู้ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในการต่อสู้ และยังสามารถใช้ในการปิ้งย่างผลเบอร์รี่ได้อีกด้วย
ฟุชิงิดาเนะ (US-Bulbasaur JP-Fushigidane)
ฟุชิงิดาเนะ เป็นโปเกมอนสัตว์เลื้อยคลานมีลักษณะคล้ายคางคกหรือไดโนเสาร์ ลักษณะเด่นที่จำง่ายคือหัวต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายหัวหอมโทชุคาโซ ที่เป็นปรสิตบนหัวเห็ดของพาราส ซึ่งในที่สุดปรสิตนี้จะลามทั่วทั้ง ตัวกลายเป็นพาราเซ็คท์ หัวต้นไม้นี้จะทำให้ฟุชิงิดาเนะสามารถรับพลังงานเสริมจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันและหัวต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นในตอนกลางคืน ซึ่งเจริญเติบโตจากเมล็ดพืชที่ฝังไว้บนหลังเมื่อตอนเกิด หัวต้นไม้ของฟุชิงิดาเนะกับตัวฟุชิงิดาเนะจะเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน ซึ่งไม่เหมือนกับเชื้อรา ฟุชิงิดาเนะมีท่าต่อสู้รูปแบบพืชที่หลากหลาย ละอองผง กลิ่นหอม กลีบดอกไม้ และเมล็ดพืชจะออกมาจากหัวบนหลังของมันได้ ส่วนเถาวัลย์และใบไม้จะออกมาจากส่วนท้องของมัน ซึ่งทำให้เกิดเป็นท่าต่อสู้ต่างๆ ที่หัวบนหลังของฟุชิงิดาเนะอาจมีอะไรบางอย่างยิงออกมาได้ ซึ่งมันจะใช้ดูดกลืนแสงแดด และอาจเป็นการเพิ่มพลังตนเอง เรียกท่านี้ว่า Synthesis (สังเคราะห์แสง) หรืออาจยิงลำแสงทรงพลังที่เรียกว่า Solarbeam (โซล่าร์บีม) ไปที่ศัตรูก็ได้
ฟุชิงิโซ (US-Ivysaur JP-Fushigisou)
ฟุชิงิโซ เป็นโปเกมอนที่มีลักษณะคล้ายคางคกหรือไดโนเสาร์เช่นเดียวกับฟุชิงิดาเนะ ซึ่งรอยจุดแต้มตามตัวมันทำให้มันดูคล้ายไดโนเสาร์ มันสูญเสียความสามารถที่จะยืนสองหน้าได้เพราะบัวบนหลังของมันได้บานขึ้น หลังจากพัฒนาร่างจากฟุชิงิดาเนะ ฟุชิงิโซเริ่มมีเขี้ยวเล็กๆ และหูงอกขึ้นมา รวมถึงตาดำด้วย ผิวหนังของฟุชิงิโซมีสีออกโทนฟ้ามากกว่าฟุชิงิดาเนะ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากตัวฟุชิงิโซคือ หัวต้นไม้ได้เปลี่ยนไปเป็นดอกไม้อ่อนสีชมพู และมีใบไม้แผ่ขยายออกมา ดอกไม้อ่อนของมันมีน้ำหนักมาก จนทำให้ขาหลังของมันปรับตัวแข็งแรงและมั่นคงเพื่อรองรับน้ำหนักของดอกไม้ ส่งผลให้มันใช้ขาหลังยืนไม่ได้อีกต่อไป ความสามารถส่วนใหญ่จะเกิดจากต้นไม้บนหลังของมัน แต่พลังโจมตีเหล่านั้นจะแข็งแรงกว่าของฟุชิงิดาเนะ
ฟุชิงิบานะ (US-Vensaur JP-Fushigibana)
ต้นอ่อนบนหลังของมันได้บานออกเป็นดอกไม้สีแดง กลีบมีจุดแต้มสีขาว 6 กลีบ โดยมีลำต้นสีน้ำตาลรองรับอยู่เหมือนกับต้นปาล์ม ที่ลำตัวของมันแทนที่จะมีจุดแต้ม กลับกลายเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายกบ ยิ่งไปกว่านั้นพบว่า ที่ภายในหูของมัน เป็นสีแดง ฟุชิงิบานะเป็นโปเกมอนที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะทางธรรมชาติได้โดยมันทำให้ดอกไม้บนต้นไม้บานได้ บังคับรากและกิ่งไม้เพื่อจู่โจมแก๊งร็อคเก็ตหรือสร้างกำแพงกั้นล้อมรอบสวน นอกจากนี้ฟุชิงิบานะยังช่วยให้ฟุชิงิดาเนะพัฒนาร่างได้โดยทำให้หัวต้นไม้ของฟุชิงิดาเนะเจริญเติบโตขึ้น
ฮิโตะคาเงะ (US-Charmander JP-Hitokage)
ฮิโตะคาเงะ เป็นโปเกมอนสัตว์เลื้อยคลานคล้ายกิ้งก่าซาลาแมนเดอร์?2 ขา และมีบางส่วนคล้ายไดโนเสาร์ โดยเฉพาะ โดยเฉพาะพันธุ์เทอโรพอดอะนิเมะ มังงะ หรือวิดีโอเกมใด ๆ ทั้งสิ้น ฮิโตะคาเงะมีเขี้ยวเล็ก ๆ 4 เขี้ยวอยู่ที่ขากรรไกรบนและล่าง ใต้ท้อง ลำตัวมีสีครีมทั่วไปจนถึงฝ่าเท้า สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือเปลวไฟที่ปลายหางที่มีมาแต่เกิด ฮิโตะคาเงะจะเรียนรู้ท่ารูปแบบไฟเพิ่มขึ้นเช่น Flamethrower และ Fire Blast นอกจากนี้มันยังอาจพ่นไฟสีน้ำเงิน หรือท่า Dragon Rage (มังกรพิโรธ) ออกมาได้ด้วย มันยังสามารถใช้ไฟที่หางโจมตีโดยแกว่งมัน หรือใช้กรงเล็บเล็กๆ แต่แหลมข่วนศัตรู แต่อย่างไรก็ตาม ท่าพวกนี้ก็ยังไม่รุนแรงเท่าท่าพ่นไฟที่มันพ่นออกมาเท่าไร
ลิซาโดะ (US-Charmeleon JP-Lizardo)
ลิซาโดะ เป็นโปเกมอนจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน มีสองขาคล้ายกับฮิโตะคาเงะ มีสีผิวเข้มกว่าฮิโตะคาเงะ มีเปลวไฟที่ปลายหาง ซึ่งเป็นคุณสมบัติของโปเกมอนรูปแบบไฟส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในสายวิวัฒนาการของฮิโตะคาเงะ ที่หัวของมันมีส่วนคล้ายเขาที่ยื่นโปนออกมาด้านหลัง กงเล็บด้านหน้าและหลังนั้นแหลมคมและยาวกว่าของฮิโตะคาเงะ ลิซาโดะสามารถพ่นไฟได้ ไฟที่มันพ่นจะร้อนกว่าของฮิโตะคาเงะ เนื่องจากที่หางมีเปลวไฟขนาดใหญ่กว่านั่นเองมันยังมีกงเล็บขนาดใหญ่ พอที่จะใช้ท่า Slash อันทรงพลังโดยเฉพาะด้วย
ลิซาด้อน (US-Charizard JP-Lizardon)
ลิซาด้อน มีปีกอัน ทรงพลังที่ทำให้มันบินได้เร็วมากจนอาจมองไม่ทัน ถึงแม้ว่าการบินของมันจะเร็วมาก แต่ก็ทำให้มันเครียด มันจึงต้องพักผ่อนหลังจากบินเสร็จ ลิซาด้อนยังอ่อนแอในการกางปีกของมัน และความสามารถเกี่ยวกับการบินของมันยังต้องได้รับการดูแลเป็นเหมือนกับโปเกมอนบินได้ตัวหนึ่ง ลิซาด้อนเป็นโปเกมอนที่ถือว่ามีค่าพลังป้องกันสูงกว่าร่างก่อนหน้าของมัน อย่างไรก็ตาม มีการบอกกล่าวกันเกี่ยวกับคำเตือนเกี่ยวกับปีกของมันที่มีพลังป้องกันเพียงเล็กน้อย ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมันเข้ากันกับพลังไฟของมัน และทนต่อความกดอากาศในที่สูงได้ ซึ่งทำให้มันบินอยู่เหนือภูเขาได้ และทนได้แม้กระทั่งความดันที่สูงและความร้อนของภูเขาไฟ ลิซาดงเป็นโปเกมอนที่รักการต่อสู้และใช้เวลามากในการฝึกหรือดูคู่ต่อสู้ จิตใจอันเด็ดเดี่ยวของมันเป็นที่น่าสังเกต เพราะมันไม่เคยพ่นไฟใส่ศัตรูที่อ่อนแอกว่า เมื่อมันโกรธ ไฟที่หางของมันจะกลายเป็นสีฟ้าอ่อน มันพ่นไฟที่ร้อนพอที่จะละลายก้อนหินขนาดใหญ่ มันยังถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดไฟป่า?ยิ่งลิซาดงมีประสบการณ์มากแค่ไหน ไฟที่หางและจากลมหายใจของมันก็จะยิ่งแรงกล้ามากขึ้นเท่านั้น
เซนิกาเมะ (US-Squirtle JP-Zanigame)
เซนิกาเมะ เป็นโปเกมอนเต่า มีสองขา มีจุดเด่นอยู่ที่กระดองแข็งบนหลังของมัน กระดองนี้เกิดขึ้นมาอยู่บนหลังของมันตั้งแต่เกิดแล้ว ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับโปเกมอนเต่าตัวอื่นๆ เช่น โคตัสและเนอีเทิล แต่กระดองของเซนิกาเมะจะมีส่วนใกล้เคียงกับร่างพัฒนามากกว่า เซนิกาเมะพ่นน้ำออกมาจากปากได้ ในตอนแรก มันอาจพ่นได้แค่ฟองสบู่ แต่ด้วยเวลา จะทำให้มันเรียนรู้ท่าพ่นน้ำเช่น Water Gun (ปืนฉีดน้ำ) และ Hydro Pump ได้ เซนิกาเมะยังสามารถเรียนท่ารูปแบบน้ำแข็งอย่าง Ice Beam (ลำแสงแช่แข็ง) และ Blizzard (พายุหิมะ) ได้อีกด้วย
คาเมล (US-Wartortle JP-Kameil)
คาเมล เป็นโปเกมอนเต่ามี 2 ขา มีสีน้ำเงินม่วง กระดองสีน้ำตาล หางและหูยาว คาเมลมีนิสัยก้าวร้าวกว่าเซนิกาเมะ มีเขี้ยวเล็กๆ ยื่นออกมาจากปาก ลูกตาสีน้ำตาล และกรงเล็บ 3 เล็บติดอยู่ที่มือ คาเมลกระดิกหูและหางของมันเพื่อรักษาสมดุลขณะว่ายน้ำที่ความเร็วสูง หางของคาเมลยาวจนโผล่ออกมาเมื่อมันหุบอยู่ในกระดอง มันใช้ขนลำตัวในการเก็บอากาศไว้ใช้ดำน้ำ ในขณะที่คาเมลมีอายุมากขึ้น สาหร่ายอาจเกาะตามกระดองและที่หางจะมีสีเข้มขึ้น คาเมลเป็นโปเกมอนที่มีนิสัยซื่อสัตย์ต่อผู้ฝึกของมัน มีนิสัยก้าวร้าวกว่าเซนิกาเมะ มันจะซ่อนตัวอยู่ในน้ำขณะล่าเหยื่อและโผล่ออกมาทำให้เหยื่อตกใจ คาเมลเป็นโปเกมอนที่อดทน โดยที่กระดองจะมีรอยข่วน ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องเตือนความจำถึงการต่อสู้ในอดีต คาเมลเป็นโปเกมอนที่เป็นที่นิยมเพราะมีอายุยืน โดยมีหางเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการมีอายุยืนนั่นเอง
คาเม็กซ์ (US-Blastoise JP-Kamex)
คาเม็กซ์ เป็นโปเกมอนเต่าสองขาสีน้ำเงินตัวใหญ่ และมีกระดองสีน้ำตาลอยู่ข้างหลัง ที่กระดองจะมีปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ 2 กระบอกยื่นออกมา ปืนใหญ่นี้จะหุบอยู่ในกระดองหรือโผล่ออกมาก็ได้ หรือหมุนหันกลับหลัง ซึ่งทำให้คาเม็กซ์ใช้ฉีดน้ำได้ หูของคาเม็กซ์เป็นรูปสามเหลี่ยม แข็งแรงและแกร่ง ซึ่งช่วยให้มันเบียดคู่ต่อสู้ในการต่อสู้ได้ แขนของขาเม็กซ์หนาและเป็นลายแถบ มีกรงเล็บ 3 เล็บที่มือ มีขอบกระดองสีขาวล้อมรอบแขนอยู่ หางของคาเม็กซ์นั้นมีสีฟ้าและแข็งเหมือนตอ ไม่เหมือนกับคาเมลหรือเซนิกาเมะ คาเม็กซ์สามารถฉีดน้ำออกมาจากปืนใหญ่ และแรงพอที่จะทำลายเหล็กกล้าได้ และสามารถยิงไปยังกระป๋องที่วางอยู่ไกลถึง 160 ฟุตได้ อย่างแม่นยำ คาเม็กซืยังสามารถเรียนรู้ท่ารูปแบบน้ำแข็งอย่าง Ice Beam (ลำแสงแช่แข็ง) และ Blizzard (พายุหิมะ) ได้ และเนื่องจากมันเป็นโปเกมอนร่างพัฒนาเต็มขั้นแล้ว มันจึงสามารถใช้ท่า Hyper Beam (ลำแสงทำลายล้าง) และ Giga Impact ได้ มันยังสามารถหมุนตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อขจัดคู่ต่อสู้ที่ขวางทางมันได้ด้วย
คาเตอปี (US-Caterpie JP-Caterpie)
คาเตอปี มีร่างกายคล้ายหนอนผีเสื้อสีเขียว มีรอยแต้มรูปแหวนสีเหลืองติดอยู่ที่ร่างกาย ลักษณะพิเศษที่สังเกตได้ชัดคือหนวดสี ส้มอ่อนบนหัว ลักษณะพิเศษและรอยรูปดวงตาขนาดใหญ่นี้จะทำให้เหยื่อสะดุ้งตกใจ นอกจากนี้ ช่วงวิวัฒนาการของคาเตอปียังใกล้เคียงกับโปเกมอนหนอนแมลงชนิดอื่นเช่น?เคมุสโซ และบีเดิ้ล หนวดของคาเตอปีจะทำให้กลิ่นตัวเหม็นถ้าคาเตอปีตกใจกลัวหรือถูกสัมผัส ซึ่งช่วยปกป้องมันจากผู้ล่า เท้าของคาเตอปีมีลักษณะคล้ายถ้วยช่วยยึดเท้าไว้กับพื้นดิน ซึ่งทำให้คาเตอปีประเมินชนิดของพื้นดินได้ง่ายๆ คาเตอปียังพ่นใยออกจากปากได้เพื่อมัดตัวศัตรู
ทรานเซล (US-Metapod JP-Transel)
แม้ว่าทรานเซลจะถูกจัดให้เป็นโปเกมอนไหม แต่ร่างกายของมันกลับดูคล้ายดักแด้มากกว่า ร่างกายของมันบอบบางแต่ขณะที่มันกำลังลอกคราบ จะมีเปลือกแข็งภายนอกจะคอยห่อหุ้มอยู่ กล่าวกันว่าเปลือกของทรานเซลแข็งดังเหล็ก เป็นเหตุทำให้ร่างกายของทรานเซลกระเด้งออกมา ทรานเซลมีลักษณะทางร่างกายและบุคลิกเหมือนกับโคคูน?ซึ่งมีการแนะนำว่า ซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่ามันอาจมีความสัมพันธ์กันแบบห่างๆ ก็ได้ ทรานเซลเคลื่อนที่ได้อย่างจำกัด แต่การแข็งตัวของเปลือกของมัน ช่วยป้องกันตัวเองจากศัตรูได้
บัตเตอร์ฟรี (US-Butterfree JP-Butterfree)
บัตเตอร์ฟรี เป็นโปเกมอนที่ดูคล้ายผีเสื้อ มีขา 4 ขา สีฟ้าซีด ไม่เหมือนแมลงจริงๆ มีอวัยวะคล้ายจมูกสีคล้ายๆ กัน ร่างกายของมันมีสีม่วงอมน้ำเงินเข้ม มีปีกสีขาวมีรอยแต้มคล้ายเส้นเลือดดำ บางครั้งอาจเกิดเป็นบัตเตอร์ฟรีที่มีตัวสีชมพู รอยแต้มบนปีกจะบอกว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย มีตาสีแดงขนาดใหญ่ ปีกของบัตเตอร์ฟรีคลุมด้วยเกล็ดบาง ๆ ที่ขาของบัตเตอร์ฟรีมีขนบางๆ ปกคลุมอยู่ ใช้ในการเก็บสะสมน้ำหวาน เกล็ดที่ปีกของบัตเตอร์ฟรีนั้นกันน้ำได้ ซึ่งจะติดกับตัวอย่างหลวมๆ ถ้าบัตเตอร์ฟรีกระพือปีกแรงพอ พวกมันก็จะลอยอยู่บนอากาศได้ บัตเตอร์ฟรีจะรู้สึกหงุดหงิดถ้าสูดฝุ่นเข้าไป
บีเดิล
บีเดิล เป็นโปเกมอนตัวอ่อนของหนอน ตัวเล็ก สีเหลือง มีร่างกายที่แยกเป็นปล้องๆ มีเท้าสีชมพู และจมูกกลมๆ สีชมพู บีเดิลมีเหล็กในอยู่บนหัวและที่หางของมัน บีเดิลไม่ค่อยมีพลังแกร่งกล้ามากนัก แต่มันสามารถพ่นใยเหนียวๆ เพื่อพันตัวศัตรูได้ บีเดิลยังสามารถใช้เหล็กในของมันทำให้ศัตรูติดพิษได้
นี่แค่บางส่วนเท่านั้นนะ เพราะ ณ ปัจจุบันมีโปเกมอนมากกว่า 700 ตัว ทั้งดูการ์ตูนทั้งเล่นเกมยังจำได้ไม่หมดเลย เยอะจริงๆ ^^ โปเกม่อน ตัวละคร